เรียนท่านผู้มีอุปการะคุณ ที่เข้ามาเยี่ยมชม สมองสองซีก ตอนนี้ทางทีมงานได้ย้ายไป link ใหม่ตาม นี้ขอรับ http://g-sciences.blogspot.com ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามขอรับ

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

เทคโนโลยีใหม่ช่วยในการระบุลายนิ้วมือ (6061)


การวิจัยในด้านการระบุเจ้าของรอยนิ้วมือแฝง นับเป็นกุญแจสำคัญในเหตุการณ์ฆาตกรรมต่างๆ NIST (National Institute of Standards and Technology) ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการแยกแยะรอยนิ้วมือจากฐานข้อมูลซึ่งสามารถทำงาน ได้เป็นอย่างดีเกินความคาดหมาย

เทคโนโลยีใหม่ที่ทดสอบโดย NIST ได้ถูกนำมาช่วยในการระบุหาเจ้าของลายนิ้วมือแฝง ระบบทดสอบที่สร้างขึ้นมานี้สามารถทำงานได้ดีเกินความคาดหมาย และช่วยให้เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบลายนิ้วมือ มีเวลาเพิ่มมากขึ้นในการตรวจสอบรูปที่ซับซ้อนมากขึ้นและไม่สามารถใช้ ซอฟต์แวร์ประมวลผลได้

อย่างที่แฟนซีรีส์หนังฆาตกรรมได้รู้กันอยู่แล้วว่า ลายนิ้วมือแฝงจะถูกทิ้งไว้ทุกครั้ง ที่ใครก็ตามหยิบจับสิ่งของ และโดยส่วนใหญ่จะมีร่องรอยเพียงแค่บางส่วนของนิ้วมือเท่านั้น ในบางครั้งอาจะเป็นเพียงส่วนเสี้ยวเล็กๆ หรืออาจะอยู่บนพื้นผิวที่ไม่เรียบ ซึ่งทำให้การทำงานท้ายมากขึ้น

ในการระบุหาเจ้าของลายนิ้วมือ ผู้ตรวจสอบรอยนิ้วมือจะต้องหาจุดเด่นของรอยนิ้วมือที่หลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะในบริเวณมุมหรือขอบของสิ่งของต่างๆ หลังจากนั้นรอยนิ้วมือจะถูกป้อนลงไปในระบบคอมพิวเตอร์ชื่อ IAFIS เพื่อเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลกว่า 55 ล้านข้อมูลที่มีอยู่ของผู้ที่เคยถูกจับกุมไปแล้ว

ระบบ IAFIS นับเป็นนวัตกรรมที่ก้าวหน้า ในขณะที่ปัจจุบันการค้นหารอยนิ้วมือได้เปลี่ยนจากการค้นหาด้วยมือมาเป็นการ ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ Automatic Feature Extraction and Matching (AFEM) โดยสถาบัน NIST ได้ทำการทดสอบระบบที่บริษัทเอกชน 8 ราย ได้พัฒนาขึ้น

ในการทดสอบ นักวิจัยได้ใช้ลายนิ้วมือแฝงจำนวน 835 ตัวอย่าง และ 100,000 ลายนิ้วมือ จากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง โดยซอฟต์แวร์จะทำการแยกแยะลายนิ้วมือตัวอย่าง แล้วเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล 100,000 ข้อมูล ในแต่ละการทดสอบซอฟต์แวร์จะเลือกลายนิ้วมือที่ใกล้เคียงมากที่สุดจำนวน 50 ข้อมูล เพื่อนำมาตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง ผลการทดสอบพบว่าลายนิ้วมือที่ถูกต้องนั้นส่วนมากอยู่ใน 10 อันดับแรกที่ซอฟต์แวร์ค้นพบ

ในด้านประสิทธิภาพนั้น ระบบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือของ NEC Corp., Cogent Inc., SPEX Forensics, Inc., Motorola, Inc. และ L1 Identity Solutions. ตามลำดับ โดยมีความถูกต้องเกือบ 100% ลดลงมาจนถึง 80% ใน 3 อันดับสุดท้าย

ในขณะที่การทดสอบแสดงให้เห็นถึงความเที่ยงตรงที่เกิน ความคาดหมาย แต่ก็ยังมีส่วนที่ยังต้องพัฒนาเพิ่มขึ้นอีก ในอนาคตเราจะทำการทดสอบในภาพลายนิ้วมือที่มีคุณภาพของรูปภาพลดลง เพื่อหาข้อจำกัดของระบบและทำการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

ที่มา :http://www.physorg.com/news159705001.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น