เรียนท่านผู้มีอุปการะคุณ ที่เข้ามาเยี่ยมชม สมองสองซีก ตอนนี้ทางทีมงานได้ย้ายไป link ใหม่ตาม นี้ขอรับ http://g-sciences.blogspot.com ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามขอรับ

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ฝันที่เป็นจริง 'เซลล์เชื้อเพลิง' ชาร์จมือถือไม่พึ่งไฟฟ้า/แสงแดด


ที่ ชาร์จพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง "ไดนาริโอ้ (Dynario)" ที่สามารถส่งกำลังไฟให้กับแบตเตอรี่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาอย่าง โทรศัพท์มือถือหรือเครื่องเล่นเพลง MP3 เพียงเชื่อมต่อผ่านสายยูเอสบี (USB)


ที่ชาร์จพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงหรือ fuel cell charger ไม่ใช่อุปกรณ์ในฝันที่อยู่แต่ในห้องทดลองอีกต่อไปแล้ว วันนี้โตชิบาประกาศพร้อมวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ชาร์จเซลล์เชื้อเพลิงอย่าง เป็นทางการ อาสาตัวเป็นทางเลือกใหม่ให้การชาร์จโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พกพา ไม่ต้องพึ่งพาทั้งไฟฟ้าและแสงอาทิตย์อีกต่อไป

โตชิบานั้นวางจำหน่ายที่ชาร์จพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ ใช้ชื่อในการทำตลาดว่า "ไดนาริโอ้ (Dynario)" มาในรูปเครื่องส่งกำลังไฟให้กับแบตเตอรี่เพื่อใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พก พาอย่างโทรศัพท์มือถือหรือเครื่องเล่นเพลง MP3 เพียงเชื่อมไดนาริโอ้เข้ากับอุปกรณ์ผ่านทางสายยูเอสบี (USB) การชาร์จไฟก็จะเกิดขึ้นไม่ต่างกับการเสียบที่ชาร์จเข้ากับปลั๊กไฟหรือ คอมพิวเตอร์

หลัก การทำงานของที่ชาร์จทางเลือกใหม่นี้คือ เมื่อฉีดเมทานอลเหลวเข้าไปในที่ชาร์จไดนาริโอ้ เซลล์เชื้อเพลิงจะสร้างกระแสไฟฟ้าจากปฏิกิริยาเคมีกับออกซิเจน ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าที่สามารถนำมาชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพานานาชนิด ผ่านสายเคเบิลยูเอสบี (USB) การฉีดเมธานอลลงในถังเชื้อเพลิงภายในไดราริโอ้ซึ่งมีความจุสูงสุด 14 มิลลิลิตร จะกำเนิดพลังงานสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ได้ภายใน 20 วินาที ซึ่งกำลังไฟที่ได้นั้นมากเพียงพอสำหรับให้พลังงานโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

โตชิบาประกาศแผนชิมลางจำหน่ายก่อน 3,000 ชุดในราคา 29,800 เยน หรือประมาณ 10,800 บาท ผู้ซื้อจะได้รับชุดเชื้อเพลิงเมทานอลเหลว 5 ขวดราคา 3,150 เยน (ประมาณ 1,146 บาท)

แม้จะแพง แต่หลายคนเชื่อว่าที่ชาร์จนี้มีจุดขายสำคัญที่ทำให้ชาวไอทีอยากจะมีไว้ใน ครอบครอง โดยเฉพาะคนที่ต้องการชาร์จพลังงานนอกอาคาร และคนที่ไม่อยากเสียเวลารอเป็นชั่วโมงกว่าจะสามารถชาร์จได้เต็ม

สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นเก่าที่ไม่มีพอร์ตยูเอสบี ก็สามารถใช้ที่ชาร์จมหัศจรรย์นี้ได้โดยต่ออแดปเตอร์เข้ากับเครื่อง โดยหลังจากการจำหน่ายล็อต 3,000 ชุดแรก โตชิบามีแผนเพิ่มจำนวนการผลิตทั้งในส่วนเครื่องไดนาริโอ้และอแดปเตอร์ รวมถึงการขยายพื้นที่จำหน่ายให้แพร่หลายกว่านี้

โต ชิบาตอกย้ำอนาคตสดใสของการนำเซลล์เชื้อเพลิงมาใช้เป็นแหล่งพลังงานใน แบตเตอรี่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ว่า การเผาผลาญพลังงานในแบตเตอรี่เหล่านี้กำลังเป็นความกังวลหลักในเรื่องการ สิ้นเปลืองพลังงานของโลก สอดรับกับกระแสโลกร้อนที่ทั่วโลกกำลังปรับพฤติกรรมเพื่อแก้ปัญหานี้อย่าง เร่งด่วน


ภาย ใน"ไดนาริโอ้"จะมีถังเชื้อเพลิงความจุ 14 มิลลิลิตร เมื่อเติมเมธานอลเหลวลงไปจะกำเนิดพลังงานไฟฟ้าสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ได้ภายใน 20 วินาที




การเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับที่ชาร์จแบบครบทีม




ขนาดเครื่องไดนาริโอ้เมื่อเทียบกับขวดบรรจุเมธานอลเหลวขนาด 50 มิลลิลิตร

ยังไม่มีรายงานกำหนดการวางตลาดที่ชาร์จพลังงานเซลล์เชื้อเพลิงนอกพื้นที่ญี่ปุ่นในขณะนี้

Thak data astv manager online

อ่านต่อกด..จ๊ะ.

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ไมโครซอฟท์พร้อมขาย"วินโดวส์เซเว่น"ราคาสุดพิเศษ


ไมโครซอฟท์เปิดตัวระบบปฏิบัติการวินโดวส์เซเว่น พร้อมกันทั่วโลกมอบสิทธิพิเศษสำหรับคนไทยในราคาถูกกว่าปกติเกินครึ่ง เชื่อกระแสตอบรับช่วยผลักดันตลาดไอที หวังขายในงานเปิดตัวสิ้นเดือนนี้ 3,000 กล่อง ด้านคู่ค้ารับช่วยกระตุ้นยอดขายช่วงปลายปี กลุ่มลูกค้าองค์กรทยอยเปลี่ยนใช้งาน

นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัววินโดวส์เซเว่น ในวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญกับตลาดไอทีในบ้านเราเมื่อเทียบกับ ครั้งเปิดตัววินโดวส์ เอ็กซ์พีประมาณเกือบ 7 ปีที่แล้ว ซึ่งการเปิดตัววินโดวส์เซเว่นจะกระตุ้นให้เกิดการซื้อคอมพ์ใหม่มากขึ้นตามผล วิเคราะห์ของทางไอดีซี ที่ประมาณการณ์ว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ตลาดพีซีจะโตขึ้นประมาณ 30%

"จากกระแส ตอบรับไม่ว่าจะเป็นการดาวน์โหลดเวอร์ชันทดลองใช้สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ใน ประเทศไทยกว่า 100,000 คนรวมไปถึงโปรโมชันสุดพิเศษสำหรับผู้ลงทะเบียน 777 คนในประเทศ ที่จะสามารถซื้อวินโดวส์ เซเว่นในราคา 2,777 บาท หมดภายใน 24 ชั่วโมง ทำให้ทางไมโครซอฟท์ต้องทำโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าที่สนใจเพิ่มในราคา 3,777 บาท ซึ่งถูกกว่าราคาปกติที่จะขายเกือบ 50%"

โดยโปรโมชันราคา 3,777 บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับ "Windows 7 Home Premium" นั้นทางไมโครซอฟท์จะพยายามทำราคานี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงจำนวนผู้ที่ให้ความสนใจด้วย เนื่องจากถือเป็นราคาพิเศษสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ ทำให้ไม่สามารถกำหนดได้ว่าโปรโมชันนี้จะจัดไปถึงเมื่อใด

ทั้งนี้ ภายในงานเปิดตัววินโดวส์เซเว่นอย่างเป็นทางการที่จะจัดขึ้นที่ลานแฟชันฮอลล์ สยามพารากอน ในวันที่ 31 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2552 นั้นทางไมโครซอฟท์คาดว่าทางผู้จำหน่ายฮาร์ดแวร์จะสามารถขายเครื่องพร้อม ลิขสิทธิ์วินโดวส์เซเว่นได้มากกว่า 2,000 เครื่อง ส่วนทางไมโครซอฟท์หวังที่จะขายทั้งประมาณ 3,000 กล่อง

"ภาย ในงานดังกล่าวเราเน้นที่จะให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับวินโดวส์ เซเว่นเป็นหลัก คาดว่ามีผู้เข้าชมงานประมาณ 5,000 คน ซึ่งหวังว่า 40% ของผู้เข้าชมงานจะได้ประสบการณ์ใช้งานวินโดวส์เซเว่นกลับไป ส่วนในเรื่องของการละเมิดลิขสิทธ์ทางไมโครซอฟท์ต้องขอบคุณภาครัฐรวมไปถึงภาค เอกชนที่เกี่ยวข้องที่ช่วยกันให้ความร่วมมือในการป้องกันการละเมิดลิขสิทธ์"

จุดที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือการใช้งานวินโดวส์สำหรับผู้ที่ละเมิด ลิขสิทธ์นั้น ในช่วงต้นปีหน้าทางไมโครซอฟท์ประเทศไทยจะเข้าร่วมโปรแกรม "Reduced Functionality" ในการลดฟีเจอร์การใช้งานสำหรับลูกค้าที่ละเมิดลิขสิทธ์ โดยจะเป็นการลดฟังก์ชันการทำงานลงไปเรื่อยๆ จนเหลือเพียงแค่การโอนย้ายข้อมูลเพียงอย่างเดียว เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ได้รับรู้ถึงการใช้งานซอฟท์แวร์ลิขสิทธ์เพื่อช่วย กระตุ้นภาพรวมของเศรษฐกิจ

ด้านคู่ค้าผู้จำหน่ายฮาร์ดแวร์ตอบรับวินโดวส์เซเว่น

ผู้จำหน่ายสินค้าไอทีรายสำคัญอย่างเอเซอร์ อัสซุส เดลล์ โซนี่ และพาร์ทเนอร์ของไมโครซอฟท์รับวินโดวส์เซเว่นจะช่วยกระตุ้นยอดขายช่วงปลายปี ส่วนตลาดลูกค้าองกรค์ขนาดใหญ่ ภาครัฐ เอกชน การศึกษา และกลุ่มธุรกิจขนาดกลางที่สนใจเริ่มเข้าโปรแกรมทยอยเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ แล้ว

นาง สาวปฐมา กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนระบบปฏิบัติการมาเป็นวินโดวส์เซเว่น ได้รับการตอบรับดีมากในทุกๆภาคส่วนของสังคม ซึ่งเชื่อว่าผู้ที่ได้ทดลองใช้เกือบ 100% สนใจที่จะเปลี่ยนมาใช้วินโดวส์เซเว่น จาก 3 ปัจจัยหลักคือ ง่ายต่อการใช้งาน เข้ากับอุปกรณ์ได้ทันที และความเร็วของระบบปฏิบัติการเอง

นายบุญชัย เงาวิศิษฏ์กุล ผู้จัดการอาวุโสกลุ่ม ผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท เอเซอร์คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับผลิตภัณฑ์ของเอเซอร์ที่วางจำหน่ายต่อจากนี้ไปส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับลิ ขสิทธ์วินโดวส์เซเว่นเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ผู้ที่ซื้อลิขสิทธ์วินโดวส์วิสต้า โฮม พรีเมียมไปก่อนหน้านี้ สามารถติดต่อขอรับแผ่นวินโดวส์เซเว่นได้ทันที เพียงแต่ลูกค้าต้องเสียค่าจัดส่งไม่เกิน 700 บาท

ส่วนนายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ของอัสซุส มีหลากหลายทั้งโน้ตบุ๊ก เน็ตบุ๊ก รวมไปถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อย่างเมนบอร์ด และกราฟิกการ์ดของอัสซุส ที่รองรับการใช้งานวินโดวส์เซเว่นเรียบร้อยแล้ว

ด้านเดลล์ก็เช่นเดียวกัน นายเอกราช ปัญจวีณิน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชัน (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลถึงผลิตภัณฑ์ของเดลล์ ทั้งด้านคอร์ปอเรตและคอนซูเมอร์ ต่างมีรองรับวินโดวส์เซเว่นแล้วเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Inspiron และ Studio นอกจากนี้ ยังเปิดคอลเซ็นเตอร์เพื่อสอบถามปัญหาเกี่ยวกับวินโดวส์เซเว่นสำหรับลูกค้า เดลล์ด้วย

สุดท้ายนายเคน นากาเตะ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและฝ่ายขายผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด กล่าวถึงจำนวนโน้ตบุ๊กของโซนี่ที่รองรับวินโดวส์เซเว่นกว่า 30 รุ่น พร้อมนำเสนอ Vaio X ซีรีส์สุดบาง ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาตอกย้ำเทคโนโลยีของโซนี่ ไวโอ้

สำหรับ วินโดวส์เซเว่นที่จำหน่ายในประเทศไทยมีทั้งหมด 3 เวอร์ชันด้วยกันคือ Home Premium, Professional และ Ultimate คาดว่าราคาปกติจะอยู่ในช่วง 5,xxx ถึง 8,xxx บาท โดยสำหรับผู้ใช้ทั่วไปเวอร์ชัน Home Premium ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแล้ว

Thank manager online

อ่านต่อกด..จ๊ะ.

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

"บรื้น CAT CDMA" โรดโชว์ทั่วไทย


กสททุ่ม 15 ล้าน เดินหน้าโรดโชว์ CAT CDMA ระบบ 3G เชื่อมต่อเน็ตไร้สายความเร็วสูง 3.1 เมกะบิต/วินาที 15 จังหวัด 3 เดือน คาดสิ้นปีได้ลูกค้าทั้งหมด 5 แสนราย

นายปรีชา จินดามัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจสื่อสารไร้สาย บริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า กสท ทุ่มเงินกว่า 15 ล้านบาทจัดกิจกรรมโรดโชว์การใช้เทคโนโลยี 3G ในระยะเวลา 3 เดือนเพื่อให้ประชาชน 15 จังหวัดได้มีประสบการณ์สัมผัสการใช้งานจริงก่อนผู้ให้บริการรายอื่นจะเปิด ให้บริการ 3G เนื่องจากโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ CAT CDMA ที่ครอบคลุม 51 จังหวัดภูมิภาคเป็นระบบ 3G ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายด้วยความเร็ว 3.1 เมกะบิต/วินาที หลังได้รับการตอบรับที่ดีจากภาพยนตร์โฆษณาชุด “บรื้น” ที่ออกอากาศในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบัน กสท มีลูกค้า CAT CDMA จำนวน 3.3 แสนรายและคาดว่า สิ้นปีจะเพิ่มเป็น 5 แสนราย โดยลูกค้า 80% ยังใช้บริการด้านเสียง และ 20% ใช้บริการด้านข้อมูล

นอกจากนี้ กสท ได้เซ็นเอ็มโอยูกับฮัทช์และบริษัทย่อยรวม 4 บริษัท เพื่อทำให้โครงข่ายซีดีเอ็มเอ เหลือเพียงโครงข่ายเดียวโดยเป็นของกสท ซึ่งจะทำให้ได้ลูกค้าของฮัทช์ 1 ล้านรายและในปีหน้า กสท มีแผนที่จะโหมทำตลาดให้มากขึ้นด้วย ทั้งนี้รายได้ของ CAT CDMA ขณะนี้อยู่ที่ 900 ล้านบาท คาดภายในสิ้นปีจะมีรายได้อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท

ปัจจุบัน CAT CDMA มีแพกเกจโปรโมชั่นใหม่ๆ มากมาย ทั้งค่าโทร.และ อินเทอร์เน็ตไร้สายพิเศษสุดสำหรับงานนี้ โปรโมชัน คุ้มสุดๆ โทร.ฟรีทุกเครือข่ายสูงสุดนาน 22 ชม./วัน เริ่มต้นที่ 189 บาท/เดือน โปรโมชันโทรศัพท์มือถือราคาพิเศษ แถมซิม พร้อมค่าโทร.ฟรี 1,200 บาท และโปรโมชันอุปกรณ์ USB Modem ราคาพิเศษที่แถมสิทธิการใช้งานอินเทอร์เน็ต 3G ไม่จำกัดชั่วโมง ฟรีนาน 3 รอบบิล
Company Related Links :
Cattelecom
Thak news astv

อ่านต่อกด..จ๊ะ.

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ดูนัยน์ตาแห่งหายนะ "ลูปี๊ต" ไต้ฝุ่นโหดระดับ 4


ภาพ จำลองของ TSR โดยใช้ข้อมูลดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา MTSAT เวลา20.30 น.วันอาทิตย์ (18 ต.ค.) นี้ ไต้ฝุ่นลูปี๊ต (Lupit) เผยให้เห็นนัยน์ตารูเข็มอันน่าชิงชังของมัน ขณะเร่งความเร็วอยู่ในระดับ C4 ปั่นไอน้ำให้พวยพุ่งอยู่ในเขตทะเลฟิลิปปินส์ และทั่วอาณาบริเวณเขตแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ "นัยน์ตาแห่งพายุ" หรือ Eye of Storm เป็นสิ่งบอกความเร็วใกล้จุดศูนย์กลางของพายุแต่ละลูก โดยปกติทั่วไป พายุยิ่งแรง "รูเข็ม" ยิ่งเล็ก


ไต้ฝุ่นลูปี๊ตได้เร่งความเร็วขึ้นเป็นระดับ 4 ในบ่ายวันอาทิตย์ (18 ต.ค.) นี้ และ ได้เปิดเผยให้เห็นนัยน์ตาเล็กๆ แบบ "ตาเข็ม" (Needle Eye) ของมัน ณ จุดศูนย์กลาง ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความเร็วและแรงที่ไม่ปกติธรรมดา นักพยากรณ์ในฟิลิปปินส์กล่าวว่า ลูปี๊ตอาจจะปั่นความเร็วกับความแรงขึ้นสู่ระดับ 5 ในไม่ช้า

"ระดับ 5" หรือ C5 (Category 5) หมายถึงความหายนะ ไต้ฝุ่นระดับนี้มีสามารถทำให้เกิดพายุรอบๆ พัดเร็วและรุนแรงถึง 250 กม./ชม. สามารถทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางให้เป็นจุลมหาจุลในพริบตา

ลูปี๊ต เป็นคำในภาษาตากาลอก (Tagalog) หรือภาษาท้องถิ่นของชาวฟิลิปปินส์ มีความหมายตรงตามตัวว่า "โหดร้าย" และ "รุนแรง" ก่อตัวขึ้นเห็นได้ชัดเจนในวันที่ 14-15 ต.ค. และสามารถ ทวีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางขึ้นเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 หรือ C1 (Category 1) ในวันที่ 16 และ เร่งตัวเองขึ้นสู่ระดับ 4 ได้ในอีก 2 วันถัดมา

ในวันอาทิตย์เช่นกัน ฟิลิปปินส์ซึ่งกำลังจะเป็นด่านแรกในการทดสอบพลังของไต้ฝุ่นลูปี๊ต ได้จัดส่งทีมกู้ภัยฉุกเฉินขึ้นเหนือพร้อมสิ่งบรรเทาทุกข์ สภาประสานความร่วมมือกอบกู้วิบัติภัยแห่งชาติ หรือ NDCC (National Disaster Coordinating Council) กล่าวว่า คนกับสิ่งของซึ่งรวมทั้งอาหาร ยารักษาโรค ผ้าคลุมกันฝน ถูกส่งไปเพิ่มตาม "พื้นที่ยุทธศาสตร์" ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุป้าหม่า

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์กล่าวในบ่ายวันอาทิตย์ว่า ไต้ฝุ่นลูปี๊ตได้ทวีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางขึ้นถึง 175 กม./ชม และ ทำให้เกิดลมแรงมหาศาลถึง 210 กม./ชม. ในอาณาบริเวณห่างจากแผ่นดินราว 1,000 กม. และ มีทิศทางเคลื่อนตัวเบนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อย แต่เชื่อว่าจะเบนหัวกลับทิศการเคลื่อนตัวไปทางตะวันตก สู่ทะเลจีนใต้ในอีก 12 ชั่วโมงข้างหน้า

“ผู้ที่อยู่ในจุดที่ยากลำบากในการเข้าถึงต่างๆ ควรจะอพยพออกมาเสียตั้งแต่ยังมีเวลาอยู่.. การช่วยเหลือจะยุ่งยากมากเมื่อเกิดพายุอีก” นายปริสโก นิโล (Prisco Nilo) ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยา กล่าวระหว่างแถลงข่าว



ภาพ จำลองของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งญี่ปุ่นที่ใช้ข้อมูลดาวเทียม MTSAT ดวงเดียวกัน เมื่อเวลา 19.00 น.วันอาทิตย์ (18 ต.ค.) ก็ออกมาไม่ต่างกัน ลูปี๊ตแสดงนัยน์ตารูเข็มแห่งความโหดร้ายของมัน ขณะที่กำลังปั่นไอน้ำคละคลุ้งคลุมอาณาบริเวณกว้างตั้งแต่ทะเลฟิลิปปินส์ขึ้น ไปจนเกือบจะถึงเขตทะเลญี่ปุ่น

พ.อ.เออร์เนสโต ตอร์เรส (Ernesto Torres) โฆษกสภาประสานงานกู้ภัยพิบัติแห่งชาติกล่าวเตือนทำนองเดียวกันว่า ราษฎรที่กลับภูมิลำเนาในพื้นที่เสี่ยงภัยแห่งต่างๆ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ควรจะรีบออกไป เพื่อให้พ้นอันตรายดินเลื่อน ดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ที่อาจจะเกิดจากไต้ฝุ่นลูปี๊ต

ในวันเสาร์ (ตรงกับวันอาทิตย์ตามเวลาในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ศูนย์เตือนภัยไต้ฝุ่นร่วม (Joint Typhoon Warning Center) ของกองทัพสหรัฐฯ ที่อ่าวเพิร์ล รัฐฮาวาย ได้พยากรณ์ ไต้ฝุ่นลูกนี้จะเคลื่อนตัวผ่านปลายสุดของเกาะลูซอน (Luzon) ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่อยู่เหนือสุดในกลางสัปดาห์หน้า และ เคลื่อนเข้าทะเลจีนใต้หลังจากนั้น

แผนภูมิที่ใช้ขอมูลดาวเทียมที่จัดทำโดย JTWC ได้แสดงให้เห็นไต้ฝุ่นลูปี๊ตในเขตทะเลฟิลิปปินส์ ในวันอาทิตย์ (18 ต.ค.) นี้ ขณะเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อยด้วยความเร็ว 26 กม./ชม. และ แผนภูมิที่จัดทำโดยศูนย์เตือนความเสี่ยงจากพายุโซนร้อน (Tropical Storm Risk) ในกรุงลอนดอนก็ได้แสดงทิศทางการเคลื่อนตัวในทางเดียวกัน

สำนักพยากรณ์ชั้นนำทั้งสองแห่งกล่าวว่า ในวันจันทร์ (19 ต.ค.) ไต้ฝุ่นลูปี๊ตจะเริ่มหันหัวไปทางตะวันตก และเคลื่อนผ่านปลายสุดของเกาะลูซอนในราววันพฤหัสบดี (22 ต.ค.) และ เคลื่อนเข้าทะเลจีนใต้ในวันรุ่งขึ้น

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางเวียดนามได้ออกเตือนเกี่ยวกับ โอกาสที่ไต้ฝุ่นลูปี๊ตจะพัดเข้าถึงฝั่งอีกลูกหนึ่งในช่วงสุดสัปดาห์หน้า เพราะว่าโอกาสที่พายุจะเคลื่อนขึ้นเหนือ ผ่านเกาะไต้หวันเข้าสู่แผ่นดินใหญ่จีนเช่นไต้ฝุ่นมรกต (Morakot) ในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมามีน้อยลง


ภาพ จำลองโดยใช้ข้อมูลของดาวเทียมเอเชียแส็ท (ASIASAT) ก็ไม่ได้ต่างกัน ลูปี๊ตโชว์นัยน์ตาแห่งพายุรูปรูเข็ม ขณะอาละวาดครอบคลุมบริเวณกว้างในเขตทะเลฟิลิปปินส์เมื่อเวลา 18 น.วันอาทิตย์ (18 ต.ค.) นี้




ย้อนหลังไปเพียงวันเดียว คือเมื่อวันเสาร์ (17 ต.ค.) ลูปี๊ต ยังไม่ได้โผล่นัยน์ตารูเข็มของมันออกมาให้เห็น ขณะที่กำลังรเร่งความเร็วจากไต้ฝุ่นระดับ 1 ขึ้นเป็นระดับ 2 ยังไม่แรงพอ ที่จะมองเห็นนัยน์ตาแห่งพายุได้จากห้วงหาว

ในฟิลิปปินส์ ลูปี๊ตกำลังจะทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคเหนือ ในบริเวณเดิมที่ไต้ฝุ่นสองลูกคือ "อันดอย" (Andoy) หรือ เกดสะหนา (Ketsana) กับ "ปีเป็ง" (Pepeng) หรือ ป้าหม่า (Parma) พัดเข้าถล่มในช่วงกลางเดือน ก.ย. ถึงต้นเดือน ต.ค.นี้ และ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันราวกว่า 900 คน รวมทั้งในเมืองหลวงมะนิลาด้วย ทั้งนี้เป็นตัวเลขรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี

ส่วนในเวียดนาม ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาพายุป้าหม่าเพิ่งพัดเข้าทำความเสียหายให้แก่บ้านเรือน ราษฎรและจมเรือประมงในเขต จ.กว๋างนีง (Quang Ninh) ที่อยู่ติดชายแดนจีนกับในนครหายฟ่อง (Hai Phong) ในเวลาต่อมา ซ้ำเติมความบอบช้ำที่ไต้ฝุ่นเกดสะหนาทิ้งเอาไว้ตั้งแต่สัปดาห์สิ้นเดือน ก.ย.

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์ พายุป้าหม่าได้พัดเข้าสร้างความเสียหายใน อ.เกาะบาหวี (Ba Vy) ร้อยละ 80 ของบ้านเรือนราษฎรในอำเภอเกาะแห่งนี้ถูกทำลายยับเยิน ก่อนจะเคลื่อนขึ้นฝั่งอีกครั้งหนึ่ง อ่อนตัวลงเป็นดีเปรสชั่น และสลายตัวไปขณะเคลื่อนผ่านที่ราบปากแม่น้ำแดงทางตอนใต้ของกรุงฮานอย

เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ เวียดนามยังคงเยียวยารักษาบาดแผลในหลายจังหวัดภาคกลางที่ไต้ฝุ่นเกดสะหนา ซึ่งมีความแรงระดับ C2 พัดทำลายระหว่างวันที่ 28-29 ก.ย.


ภาพ เอเอฟพีวันที่ 18 ต.ค.2552 คุณแม่สองคนนี้ต้องดูแลลูกๆ ในเต็นท์พักพิงชั่วคราว ที่ทางการตั้งขึ้นในเขตชานนครมะนิลา หลังจากบ้านเรือนถูกไต้ฝุ่นเกดสะหนาทำลายราบในปลายเดือน ก.ย. ปัจจุบันยังมีชาวฟิลิปปินส์นับหมื่นๆ ไร้ที่อยู่ ขณะที่ไต้ฝุ่นลูปี๊ต (Lupit) ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและแรงมาก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนเหนือของประเทศอีกลูกหนึ่งกลางสัปดาห์นี้.





ภาพ เอเอฟพีวันที่ 17 ต.ค.2552 ชาวฟิลิปปินส์ในเขตเมืองปาสิก (Pasik) ชานนครมะนิลา กำลังเดินข้ามถนนโดยใช้ "สะพานลอย" ที่ทำขึ้นชั่วคราว เพื่อไม่ต้องเดินลุยน้ำเบื้องล่าง ไต้ฝุ่ยเกดสะหนากับป้าหม่าทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำในแม่น้ำปาสิกเอ่อขึ้นท่วมเมืองหลวงมาตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว




แต่ ในทุกวิกฤตมีโอกาสแฝงอยู่ อุทกภัยจากไต้ฝุ่นที่เกิดซ้ำซาก ได้ทำให้เกิดรถรับจ้างสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาอย่างที่เห็นในภาพของเอเอฟพี ซึ่งถ่ายเมื่อวันที่ 17 ต.ค.2552 ในเขตเมืองปาสิก ชานนครมะนิลา เป็นการะประดิษฐ์สร้างเพื่อเอาชนะภัยธรรมชาติที่เลี่ยงไม่ได้

thank News data ASTV

อ่านต่อกด..จ๊ะ.

ฮีเลียม : ประวัติและประโยชน์


ฮีเลียม


เราหลายคนคงไม่ตระหนักว่า เอกภพของเรานี้มีธาตุฮีเลียม (helium) มากเป็นอันดับสองรองจากไฮโดรเจน (hydrogen) แต่การรู้ข้อมูลนี้ก็นำมาซึ่งคำถามต่อว่า ถ้าฮีเลียมมีมากจริง แล้วเหตุใดมนุษย์จึงเพิ่งพบฮีเลียมเมื่อ 114 ปีก่อนนี้เอง

คำตอบก็คือ ฮีเลียมเป็นธาตุเฉื่อย ที่ไม่ชอบทำปฏิกิริยาเคมีกับธาตุอื่น ดังนั้นเราจึงไม่พบฮีเลียมในสารประกอบใดๆ นอกจากนี้ฮีเลียมก็มีความหนาแน่นน้อยมากด้วย ดังนั้นเวลาถูกปล่อยเป็นอิสระมันจะลอยขึ้นฟ้า แล้วหนีหายไปในอวกาศ

การศึกษาประวัติความเป็นมาของฮีเลียม แสดงให้เรารู้ว่า มันเป็นธาตุที่มนุษย์พบบนดวงอาทิตย์ก่อนที่จะพบบนโลก เพราะบุคคลที่เห็นฮีเลียมเป็นคนแรกคือ Norman Lockyer นักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ ผู้มีความสามารถหลายด้าน เช่น เขียนกฎการแข่งขันกอล์ฟที่สนาม St. Andrew เป็นผู้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (Science Museum) ที่ลอนดอน และเป็นบรรณาธิการของวารสาร Nature ด้วย


Kamerlingh Onnes



โดยในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2411 Lockyer ได้ส่องกล้องโทรทัศน์ขนาด 6 นิ้ว ตรงไปที่ดวงอาทิตย์แล้วตรวจสเปกตรัม (spectrum) หรือแถบแสงสีต่างๆ ด้วยอุปกรณ์ spectroscope และ Lockyer ก็รู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นเส้นแสงสีเหลืองเส้นหนึ่งปรากฏในสเปกตรัมของแสง อาทิตย์ เพราะเขาไม่เคยเห็นเส้นแสงเหลืองเส้นนั้นในการทดลองใดๆ ก่อนนั้นเลย ต่อมาในปีเดียวกัน Pierre Jules Cesar Janssen นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสก็ได้รายงานการเห็นเหตุการณ์นี้เช่นกัน

จนอีก 2 ปีต่อมา Lockyer จึงได้เสนอความเห็นว่า เส้นแสงเหลืองนั้นคงมาจากธาตุชนิดหนึ่งบนดวงอาทิตย์ที่นักวิทยาศาสตร์บนโลก ไม่รู้จักมาก่อน การคิดเช่นนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ หัวเราะเยาะเย้ย Lockyer ว่าเพี้ยน และฟุ้งซ่าน สถานการณ์นี้ได้ทำให้ Lockyer ต้องอดทน และคอยการยืนยันนานหลายปี จนกระทั่ง William Ramsay นักเคมีแห่งสกอตแลนด์ ได้ตอกย้ำว่า สิ่งที่ Lockyer เห็นและคิดนั้น คือความจริง เพราะในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2438 ขณะ Ramsay ศึกษาก๊าซที่ clevite (ซึ่งเป็นสารประกอบของยูเรเนียม) ปล่อยออกมา เขาได้เห็นเส้นแสงสีเหลืองนั้นอีก แต่เห็นไม่เด่นชัด เพราะอุปกรณ์ spectroscope ที่เขาใช้มีประสิทธิภาพไม่สูงพอ เขาจึงส่งก๊าซตัวอย่างไปให้ Lockyer และ William Crookes ผู้เป็นนักฟิสิกส์และเคมีที่มีชื่อเสียงในการวิเคราะห์สารดู อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา Crookes ผู้เชื่อเรื่องโทรจิตก็ได้สรุปว่า ก๊าซที่ให้เส้นแสงสีเหลืองนั้นเป็นก๊าซชนิดเดียวกับที่ Lockyer ได้เคยเห็นเมื่อ 27 ปีก่อน

ทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์ใช้ฮีเลียมในการทำเลเซอร์ และใช้ในเตาอุปกรณ์ปรมาณู อีกทั้งใช้หล่อเลี้ยงให้ความเย็นแก่กล้องโทรทรรศน์ และทำแม่เหล็กตัวนำยวดยิ่ง ฯลฯ ส่วนนักดำน้ำก็ใช้ฮีเลียมปนในออกซิเจนเพื่อหายใจเวลาต้องการดำน้ำลึก

คุณสมบัติที่อัศจรรย์อีกประการหนึ่งของฮีเลียมคือ เวลาอยู่ในสภาพของเหลว และถ้าอุณหภูมิลดต่ำถึง 2.18 องศาสัมบูรณ์ (-271 องศาเซลเซียส) ฮีเลียมเหลวจะกลายเป็นของเหลวยวดยิ่ง (superfluid) ที่สามารถไหลผ่านรูเล็กๆ ได้สะดวกสบายเสมือนไม่มีแรงหนืดใดๆ ต่อต้านเลย หรือจะให้ไหลขึ้นผนังของภาชนะที่เก็บฮีเลียมเหลวก็ทำได้และเพราะฮีเลียมจะ ไม่มีวันเป็นของแข็ง ไม่ว่าอุณหภูมิจะลดเพียงใด ดังนั้น ถ้านรกมีจริง ไฟนรกจะดับก่อนฮีเลียมจะแข็งตัว

ส่วนนักดาราศาสตร์นั้นก็รู้ว่าหลังจากที่ Big Bang ระเบิดได้ 3 นาที ฮีเลียมส่วนใหญ่จะถือกำเนิด และทุกวันนี้ฮีเลียมส่วนมากจะมีพบในดาวฤกษ์ สำหรับฮีเลียมที่พบบนโลก ส่วนใหญ่จะมาจากการสลายตัวของบรรดาธาตุกัมมันตรังสีที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน ครั้นเมื่อปรากฏตัวแล้ว ฮีเลียมที่เบากว่าอากาศก็จะหลุดหนีไปในอวกาศ

ในปี 2501 John Bardeen นักฟิสิกส์ผู้ประดิษฐ์ทรานซิสเตอร์คนหนึ่ง ได้กล่าวเตือนโลกว่า ถ้าไม่มีการควบคุมวันหนึ่งโลกจะไม่มีฮีเลียมใช้ คำเตือนนี้ได้ทำให้รัฐสภาสหรัฐฯ ลงมติอนุมัติเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์ สร้างโรงงานผลิตฮีเลียมที่ Amarillo ใน Texas เพื่อให้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐฯ (NASA) ได้ใช้ในจรวด เพราะจรวดที่ทรงพลังต้องใช้ออกซิเจนและไฮโดรเจนเหลวเป็นเชื้อเพลิง แต่การจะทำให้ก๊าซทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นของเหลวได้อย่างยั่งยืน วิศวกรจำเป็นต้องใช้ฮีเลียมเหลวหล่อเลี้ยงมัน ข้อจำกัดนี้จึงทำให้ทุกคนรู้ว่า ถ้าไม่มีฮีเลียมเหลวเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเหลวและออกซิเจนเหลวก็จะไม่มี และนั่นก็หมายความว่า มนุษย์อวกาศที่อยู่บนดวงจันทร์ก็จะกลับโลกไม่ได้ ดังนั้นระยะเวลาที่มนุษย์อวกาศจะสามารถอยู่บนดวงจันทร์ได้นานเพียงใด ก็ขึ้นกับปริมาณของฮีเลียมเหลวที่เขานำไป

William Ramsay


เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ที่ Boerhaave Museum ในเมือง Leiden ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้มีการจัดงานแสดงเรื่อง “The Quest for Absolute Zero” เพื่อเฉลิมฉลองการครบหนึ่งศตวรรษแห่งการทำก๊าซฮีเลียมให้เป็นของเหลวได้ สำเร็จ โดย Heike Kamerlingh Onnes แห่งมหาวิทยาลัย Leiden ในเนเธอร์แลนด์ และความสำเร็จครั้งนั้นได้ทำให้ Onnes พิชิตรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ประจำปี 2456 เพราะในสมัยนั้นก๊าซทุกชนิด (นอกจากฮีเลียม) เช่น ไนโตรเจน ไฮโดรเจน นีออน ออกซิเจน อาร์กอน ฯลฯ ต่างก็สามารถกลายสภาพเป็นของเหลวได้เมื่ออุณหภูมิลดต่ำมากๆ เช่น แก๊สไฮโดรเจนจะกลายเป็นของเหลวที่อุณหภูมิ 20 องศาสัมบูรณ์ (-253 องศาเซลเซียส) แต่ฮีเลียมในอุณหภูมินั้นยังเป็นก๊าซอยู่ Onnes ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ฟิสิกส์จึงเริ่มการวิจัยสร้างฮีเลียมเหลว หลังจากที่ได้ประสบความสำเร็จในการทำไฮโดรเจนเหลวแล้ว โดยได้นำฮีเลียม 7 ลิตร ที่อุณหภูมิ 14 องศาสัมบูรณ์ (-259 องศาเซลเซียส) และมีความดัน 100 บรรยากาศ มาปล่อยให้ผ่านรูพรุนออกสู่ภาชนะที่มีความดัน 1 บรรยากาศ การขยายตัวของก๊าซอย่างรวดเร็ว ทำให้อุณหภูมิของก๊าซลดต่ำ

และนี่ก็คือปรากฏการณ์ Joule-Kelvin ดังนั้นเมื่อ Onnes นำก๊าซฮีเลียมที่อุณหภูมิต่ำมากมาผ่านรูพรุนซ้ำแล้วซ้ำอีกร่วม 20 ครั้ง ในที่สุดเขาก็ได้ฮีเลียมเหลวปริมาตร 60 มิลลิลิตร ที่อุณหภูมิ 4 องศาสัมบูรณ์ (-269 องศาเซลเซียส) ซึ่งมากพอจะรินลงถ้วยชาได้ แต่มีคุณค่ามหาศาลมากเพราะ Onnes ได้บุกเบิกวิทยาการด้าน cryogenics หรือวิชาความเย็นยวดยิ่งที่ทำให้สสารต่างๆ มีพฤติกรรมประหลาดๆ มากมาย เช่น เป็นตัวนำยวดยิ่ง (superconductor) ซึ่งปล่อยให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านโดยไม่มีความต้านทานใดๆ ต่อต้านเลย หรือของเหลวยวดยิ่ง (superfluid) ที่ของเหลวไหลไปโดยไม่มีแรงหนืดต่อต้านเลย เป็นต้น

ปัจจุบันนี้หยดของฮีเลียมเหลวที่มีอุณหภูมิต่ำใกล้ศูนย์องศาสัมบูรณ์ กำลังมีบทบาทในการศึกษาเอกภพเพราะ Grigory Volovik แห่ง Helsinki University of Technology ได้พบว่าฮีเลียมของเหลวชนิด 3He (เลข 3 ใช้บอกว่า นิวเคลียสของ ฮีเลียมมีโปรตอน 2 ตัว และนิวตรอน 1 ตัว ส่วน 4He นั้น นิวเคลียสมีโปรตอนและนิวตรอนอย่างละ 2 ตัว) ตามปกติ 3He จะมี 2 รูปแบบคือ แบบ A และ B และ Volovik ได้พบว่าเฉพาะ 3He -A เท่านั้นที่มีคุณสมบัติของเอกภพ 4 มิติ ดังนั้นจึงสามารถนำมาทดลองศึกษาธรรมชาติของแรงโน้มถ่วงและหลุมดำหรือเอกภพใน ขณะถือกำเนิดใหม่ๆ รวมถึงที่มาของกฎต่างๆ ในวิชาฟิสิกส์ ฯลฯ ได้ โดยเฉพาะเรื่องหลุมดำ เพราะทฤษฎีเอกภพในอดีตเคยระบุว่า หลุมดำจะกักเก็บสสารทุกรูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่แสงให้อยู่ภายในขอบฟ้าของเหตุการณ์ (event horizon)

แต่เมื่อ 30 ปีก่อนนี้ Stephen Hawking ได้แสดงให้ทุกคนเห็นว่า เมื่อเขานำทฤษฎีควอนตัมมาใช้กับหลุมดำ พลังงานบางส่วนสามารถเล็ดลอดจากหลุมดำได้ เพราะเมื่ออนุภาคกับปฏิอนุภาค (antiparticle) ถือกำเนิดใกล้ขอบฟ้าของเหตุการณ์ อนุภาคส่วนหนึ่งจะถูกดูดลงหลุมดำและอีกส่วนหนึ่งจะหนีไปเพราะอนุภาคเหล่านี้ มีมวล ดังนั้นหลุมดำจึงสูญเสียมวลโดยการแผ่รังสี Hawking แต่รังสีนี้มีความเข้มน้อยมาก ด้วยเหตุนี้ หลุมดำที่หนักจึงต้องใช้เวลานานเป็นหมื่นล้านปี จึงจะสลายตัวหมด ความเนิ่นนานของเวลาเช่นนี้ ทำให้นักดาราศาสตร์ทุกคนแทบไม่คาดหวังจะเห็นรังสี Hawking ด้วยตาเลย

แต่บัดนี้ความหวังนั้นได้ใกล้เข้ามาแล้วเพราะ Volovik และเพื่อนวางแผนจะสร้างหลุมดำ โดยให้ฮีเลียมเหลวไหลสวนกันจนทำให้เกิดอนุภาคพิเศษที่บริเวณรอยต่อระหว่าง ของเหลวทั้งสอง และอนุภาคพิเศษนี้สามารถนำพลังงานออกไปจากฮีเลียมของเหลวได้ในลักษณะเดียว กับที่หลุมดำระเหิด

ฮีเลียมเหลว


ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่าในอนาคต หยดฮีเลียมจะสามารถไขความลับบางประการของเอกภพได้ เช่น จะสามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดในอวกาศจึงมีสนามแม่เหล็ก และค่าคงตัวอะไรบ้างในเอกภพนี้ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ซึ่งถ้าอธิบายได้และเห็นจริงได้ มันก็เป็นเรื่องที่แทบไม่น่าเชื่อว่า ความรู้เกี่ยวกับเอกภพแทบทั้งหมดได้แฝงอยู่ในสสารชนิดหนึ่งชื่อ ฮีเลียม

สุทัศน์ ยกส้าน เมธีวิจัยอาวุโส สกว.

อ่านต่อกด..จ๊ะ.

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ไทยแดดเยอะแต่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์น้อยกว่าญี่ปุ่น 100 เท่า


บริษัท โอสถาสภา จำกัด แถลงข่าวโครงการ “M-150 Ideology ปฏิบัติการสร้างสรรค์นวัตกรรม โซลาร์เซลล์” พร้อมจัดวงเสวนา "โซลาร์เซลล์" ย่อมๆ ให้ความรู้แก่ผู้ร่วมงาน



ดร.พอพนธ์ สิชฌนุกฤษฏ์ (ภาพจากแฟ้มข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตร์)



กมล ตรรกบุตร กรรมการสภาวิศวกร



สุวัฒน์ เชาว์ปรีชา ประธานกรรมการบริหารบริษัท ฤทธา จำกัด



เอกชาติ หัตถา นักวิจัยโซลาร์เทค



รศ.ดร.สมชัย รัตนธรรมพันธ์ ภาควิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย



ผอ.โซลาร์เทคชี้ญี่ปุ่นมีแดดน้อยกว่าไทยแต่ ใช้โซลาร์เซลล์มากกว่าไทยร้อยเท่า แนะเป็นแหล่งพลังงานสำหรับผู้ด้อยโอกาสในชนบท เผยคนไทยผลิตโซลาร์เซลล์ประสิทธิภาพสูง - ต้นทุนต่ำได้แล้ว ภาคเอกชนเสนอควรติดโซลาร์เซลล์ตามสถานที่ราชการสำรองไฟยามเกิดภัยพิบัติ

ด้วยเห็นว่าประเทศไทยเป็นเมืองร้อนและมีแสงแดดมากแบบไม่ต้องซื้อหา หากเปลี่ยนบางส่วนมาเป็นไฟฟ้าได้ คงประหยัดค่าพลังงานได้มาก ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ได้ติดตามไปเก็บข้อมูลจากวงเสวนา “โซลาร์เซลล์ พลังงานทางเลือกในอนาคต” ซึ่งจัดขึ้นในงานแถลงข่าวเปิดโครงการ “M-150 Ideology ปฏิบัติการสร้างสรรค์นวัตกรรม โซลาร์เซลล์”

ดร.พอพนธ์ สิชฌนุกฤษฏ์ ผผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์แห่งชาติ (โซลาร์เทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวเปิดประเด็นผ่านเทปวิดีโอว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแสงแดดมากกว่าญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าแห่งพลังงานแสงอาทิตย์มาก

ทั้งนี้ ผอ.โซลาร์เทค ชี้ว่า ประเทศญี่ปุ่นมีปริมาณแสงแดดทั้งปีเพียง 70% ของบ้านเรา ทว่ากลับเป็นประเทศที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์มากกว่าไทยถึง 100 เท่า แสดงให้เห็นศักยภาพด้านพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีอยู่มาก ขณะที่ประเทศไทยยังไม่ได้นำออกมาใช้

“อีก ประมาณ 20 ปี ในปี พ.ศ.2573 ญี่ปุ่นตั้งเป้าที่จะผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้ได้ 10% ของความต้องการไฟฟ้าทั้งประเทศ หรือคิดเป็นจำนวนไฟฟ้าที่ไทยเราใช้อยู่ทั้งหมดในปัจจุบัน” ดร.พอพนธ์ให้สัมภาษณ์ผู้จัดการวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม

แม้ปัจจุบันญี่ปุ่นยังมีพลังงานแสงอาทิตย์ใช้เพียง 1.7% หรือเพียง 10 กิกะวัตต์ของความต้องการไฟฟ้าทั้งหมดจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า 100 กิกะวัตต์ใน 20 ปีข้างหน้า ทว่า ดร.พอพนธ์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้แน่นอน ซึ่งไฟฟ้า 1 กิกะวัตต์จะเท่ากับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ถึง 1 โรงทีเดียว

นอกจากนี้ ดร.พอพนธ์ มองว่า สำหรับคนในตัวเมืองแล้ว พลังงานแสงอาทิตย์ผลิตไฟฟ้าอาจไม่มีความจำเป็นอะไรนัก ทว่า จะดียิ่งขึ้นหากเราจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ไปผลิตกระแสไฟฟ้าแจกจ่ายให้กับชาว บ้านในชนบทห่างไกลที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ จึงเป็นการขยายโอกาสการเข้าถึงไฟฟ้าสู่ผู้ด้อยโอกาส

อย่างไรก็ดี นายกมล ตรรกบุตร กรรมการสภาวิศวกร ให้ข้อมูลว่าจุดด้อยของพลังงานแสงอาทิตย์คือต้นทุนการผลิตที่สูงมาก โดยในยุคเริ่มต้นของพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยเมื่อราวปี 2520 ซึ่งเกิดวิกฤติพลังงานเหมือนปัจจุบัน ขณะ นั้นการติดตั้งโซลาร์เซลล์มีต้นทุนวัตต์ละ 250 บาท การพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์รุ่นใหม่ให้มีราคาถูกลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นจึง เป็นสิ่งที่จำเป็น

ในจุดนี้ นายเอกชาติ หัตถา นักวิจัยโซลาร์เทค ให้ข้อมูลแก้ว่า ในปัจจุบันนักวิจัยไทยสามารถแก้ข้อจำกัดด้านต้นทุนการติดตั้งเซลล์แสง อาทิตย์ได้แล้ว โดย โซลาร์เทคสามารถผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดฟิล์มบางอะมอร์ฟัสซิลิกอนได้ด้วยต้น ทุนต่ำกว่า 100 บาทต่อวัตต์ ขณะที่ประสิทธิภาพการแปลงแสงแดดเป็นไฟฟ้ายังเพิ่มขึ้นสูงสุด 15.7% ด้วย ดังนั้นการขยายผลสู่การเชิงพาณิชย์ด้วยนวัตกรรมแปลกใหม่จึงเป็นที่น่าสนใจติดตามมาก

ส่วนนายสุวัฒน์ เชาว์ปรีชา ประธานกรรมการบริหารบริษัท ฤทธา จำกัด แสดงความคิดเห็นว่า แม้ ปัจจุบันเซลล์แสงอาทิตย์ยังมีราคาค่อนข้างแพงไปบ้าง แต่เราก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ในฐานะแหล่งจ่ายไฟสำรองในเวลาที่แหล่งเชื้อ เพลิงอื่นๆ ไม่สามารถใช้การได้ อาทิ เมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างพายุนาร์กีส โดยสถานที่สำคัญทางราชการควรจะต้องมีไว้รับมือหากเกิดปัญหาโดยต้องไม่ชะล่า ใจ หรือประมาทว่าจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้

ปิดท้ายที่ รศ.ดร.สมชัย รัตนธรรมพันธ์ ภาควิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สรุปว่า การ พัฒนานวัตกรรมแสงอาทิตย์ที่เป็นที่ต้องการในอนาคตไม่จำเป็นต้องเป็นของที่มี ราคาแพงเท่านั้น แต่อยู่ที่การใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งนั้นเองเป็นจุดที่เขาฝากโจทย์ให้คนรุ่นใหม่นำไปพัฒนานวัตกรรมเซลล์แสง อาทิตย์ของประเทศต่อไป

สำหรับโครงการ “M-150 Ideology ปฏิบัติการสร้างสรรค์นวัตกรรม โซลาร์เซลล์”จัด ขึ้นโดยบริษัท โอสถสภา จำกัด ภายใต้การสนับสนุนของโซลาร์เทค เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาจับกลุ่มกัน 10-12 คน เพื่อส่งแนวคิดนวัตกรรมเซลล์แสงอาทิตย์เข้าประกวด โดย 5 ทีมสุดท้ายจะได้รับการสนับสนุนทุนพัฒนานวัตกรรม 2 แสนบาท พร้อมนำผลงานไปติดตั้งใช้จริงในพื้นที่เป้าหมายของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้สนใจดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.m-150.com .

data manager online

อ่านต่อกด..จ๊ะ.

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

"ลอร์ดออฟเดอะริง" ของจริง ! วงแหวนยักษ์รอบดาวเสาร์รัศมีไกลถึง 13 ล้านกิโลเมตร



ภาพวาดจำลองวงแหวนยักษ์ของดาวเสาร์ที่พบใหม่ โดยดาวเสาร์ที่เห็นเป็นจุดเล็กๆ ถูกขยายออกมาให้เห็นในภาพวงกลม (เอพี/นาซา)


พบวงแหวนวงใหญ่รอบดาวเสาร์ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จับภาพไม่ได้ด้วยแสงปกติ แต่กล้องสปิตเซอร์จับภาพจากสัญญาณอินฟราเรด เป็นวงแหวนบางๆ ที่ขอบวงแหวนอยู่ห่างดาวเสาร์ไกลออกไป 13 ล้านกิโลเมตร และเอียงจากวงแหวนเดิม 27 องศา

เอพีระบุว่า ห้องปฏิบัติการจรวดขับเคลื่อนความดัน (Jet Propulsion Laboratory) หรือเจ็ทแล็บ (Jet Lab) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ได้พบวงแหวนขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นอนุภาคฝุ่นและน้ำแข็งที่เรียงตัวกันบางๆ อยู่ห่างออกมาจากระบบดาวเสาร์

วงแหวนขอบในอยู่ห่างออกมาประมาณ 6 ล้านกิโลเมตร ส่วนวงแหวนขอบนอกอยู่ไกลออกไป 13 ล้านกิโลเมตร และวงแหวนทำมุมเอียงกับวงแหวนหลักที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว 27 องศา

วงแหวนดังกล่าว กระเจิงแสงที่ตามองเห็น และไม่สะท้อนออกมากนัก จึงจับภาพไม่ได้ด้วยแสงธรรมดา แต่กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ (Spitzer) สามารถบันทึกภาพของวงแหวนดังกล่าว ไว้ด้วยแสงย่านรังสีอินฟราเรด

แม้ฝุ่นของวงแหวนจะมีอุณหภูมิค่อนข้างต่ำ คือ -158 องศาเซลเซียส แต่ก็ยังแผ่รังสีความร้อนออกมา ซึ่งวิทนีย์ คลาวิน (Whitney Clavin) โฆษกของเจ็ทแล็บกล่าวว่า ไม่เคยยมีใครเห็นตำแหน่งของวงแหวนดังกล่าว โดยใช้เครื่องมืออินฟราเรดมาก่อน

ความใหญ่ของวงแหวนดังกล่าว ก็มีที่ว่างมากพอจะบรรจุโลกลงไปได้ถึง 1 พันล้านใบ และก่อนการค้นพบครั้งนี้ ทราบกันว่าดาวเสาร์นั้นมีวงแหวนที่มีชื่อไล่ตามอักษรอังกฤษ A ถึง F และวงแหวนจางๆ อีก 2-3 วงที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ สำหรับการค้นพบครั้งนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงวารสารเนเจอร์ (Nature)

"อนุภาค ของวงแหวนนั้นเล็กมากๆ ดังนั้นวงแหวนนี้จึงบางมากๆ ด้วย และโดยความเป็นจริงแล้ว ต่อให้คุณไปยืนอยู่ในวงแหวน คุณก็ไม่รู้เลยว่านั่นคือวงแหวน ในปริมาตร 1 ลูกบาศก์กิโลเมตรของวงแหวน มีอนุภาคให้เห็นแค่ 10-20 อนุภาคเท่านั้น" ดร.แอนน์ เวอร์บิสเซอร์ (Anne Verbiscer) นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย (University of Virginia) ในชาร์ลอตต์วิลส์ สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมวิจัยให้ความเห็นกับทางบีบีซีนิวส์




ภาพดวงจันทร์ไออาเปตัส ซึ่งด้านขวาจะเห็นเงาดำพาดทับ (บีบีซีนิวส์/นาซา)


ทั้งนี้สปิตเซอร์ได้จับภาพการแผ่รังสีอินฟราเรดของอนุภาคฝุ่น ที่มีขนาดเพียง 10 ไมครอน แต่ก็มีขนาดของอนุภาคหลายขนาด บางอนุภาคใหญ่กกว่านั้น หรือบางอนุภาคก็เล็กกว่า

อีกทั้งในการสร้างแบบจำลองยังชี้ให้เห็นว่า แสงอาทิตย์ได้ฉายลงบนเม็ดฝุ่นเหล่านี้ แล้วเกิดเป็นเงาตกลงบน ไอเอเปตัส (Iapetus) ดวงจันทร์ของดาวเสาร์ที่โคจรรอบๆ ดาววงแหวนที่ระยะห่าง 3.5 ล้านกิโลเมตร

สำหรับสมาชิกผู้ร่วมทีมวิจัยกับ ดร.แอนน์ประกอบด้วย ดักลาส แฮมิลตัน (Douglas Hamilton) จากคอลเลจปาร์ก (College Park) มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ (University of Maryland) และไมเคิล สครูทสกี (Michael Skrutskie) จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย (University of Virginia) เช่นเดียวกัน

thank news manager online

อ่านต่อกด..จ๊ะ.

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โนเบลหญิงอิสราเอลคนแรกย้อนวัยเยาว์สุดแร้นแค้น ไร้หนังสืออ่าน วอนโลกให้โอกาสผู้หญิง


อาดา โยนาธ วัย 70 ปี นักวิจัยหญิงชาวอิสราเอลคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบล (nobelprize.org)



"อาดา โยนาธ" นักวิทย์หญิงอิสราเอลคนแรก บนเวทีโนเบล เผยทั้งน้ำตา ชีวิตวัยเด็กยากจนข้นแค้น ไม่มีหนังสืออ่านแม้สักเล่ม ดีใจสุดๆ หลังรู้ข่าวดีว่าได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ พร้อมสนับสนุนเต็มที่ให้ผู้หญิง ขอโลกให้โอกาสและส่งเสริมสตรีให้ได้ทำงานวิทยาศาสตร์อย่างที่ใจต้องการ

ทันทีที่ผลการประกาศรางวัลโนเบล สาขาเคมี ประจำปี 2009 ออกมาอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 ต.ค.52 สื่อมวลชนในสวีเดนรีบติดต่อขอสัมภาษณ์พวกเขาทันทีทางโทรศัพท์ ซึ่งผู้ได้รับรางวัลในสาขานี้ ได้แก่ อาดา โยนาธ (Ada Yonath) นักวิจัยอิสราเอลวัย 70 ปี, โทมัส สไตตซ์ (Thomas Steitz) วัย 69 ปี และ เวนคาตรามัน รามกฤษณัน (Venkatraman Ramakrishnan) วัย 57 ปี ชาวสหรัฐฯ จากการศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของไรโบโซมในระดับอะตอม

โยนาธ (ขวาสุด) และ 2 นักวิจัยสหรัฐฯ ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมี ปี 2009 ร่วมกัน (เอเอฟพี)


สไตตซ์ได้รับโทรศัพท์จากสวีเดน ซึ่งตรงกับช่วงเช้าตรู่ของสหรัฐฯ และเขาตื่นนอนพอดี ซึ่งเขาบอกกับสื่อมวลชนวิทยุของสวีเดนว่า โชคดีมากที่เขาตื่นขึ้นมาเพื่อจะไปออกกำลังกาย แต่คนที่โทรศัพท์มาหาบอกว่า ไม่ต้องไปโรงยิมแล้ว เพราะเดี๋ยวจะมีโทรศัพท์ตามมาอีกมากมาย

ขณะที่รามกฤษณันก็ได้รับโทรศัพท์ในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยเขาให้สัมภาษณ์กับสื่อวิทยุของสวีเดนว่า พวกเขาเป็นเพียงกัปตันทีม ซึ่งมีหลายความคิดที่ทำให้เกิดงานวิจัยเรื่องนี้ และผู้ที่มีส่วนอย่างมากคือนักศึกษาและนักวิจัยหลังปริญญาเอก ส่วนเขานั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของความพยายามและความอุตสาหะอันยิ่ง ใหญ่ของทุกคนที่มีส่วนร่วมในงานวิจัยนี้

ส่วนโยนาธบอกกับสื่อมวลชนว่า เธออยู่ที่บ้านของลูกสาวในอิสราเอล สิ่งแรกที่รู้สึกคือมีความสุขเหลือมากมายเหลือเกิน ส่วนลูกของเธอก็รู้สึกภูมิใจมาก นั่นยิ่งทำให้เธอมีความสุขมากยิ่งกว่า

ทั้งนี้ โย นาธเป็นกลายเป็นผู้หญิงชาวอิสราเอลคนแรก ที่ได้รับรางวัลโนเบลอันทรงเกียรติ และเป็นผู้หญิงคนที่ 4 ที่ได้รับรางวัลโนเบล สาขาเคมี โดยมีแมรี กูรี(Marie Curie) เป็นผู้หญิงคนแรกที่บนเวทีโนเบล และได้รับรางวัลในสาขาเคมี ซึ่งเรื่องราวของกูรียังเป็นแรงบันดาลใจให้กับโยนาธ ที่ดำเนินรอยตามกูรีเข้ามาทำงานด้านวิทยาศาสตร์ โดยโยนาธเป็นชาวอิสราเอลคนที่ 3 ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมี และเป็นชาวอิสราเอลคนที่ 9 ที่ได้รับรางวัลนี้


อาดา โยนาธ เมื่อปี 2549 (เอเอฟพี)

เพียงชั่วครู่หลังการประกาศผลรางวัลโนเบลสาขาเคมีในกรุงสต็อคโฮล์ม โยนาธก็ได้รับโทรศัพท์แสดงความยินดีจากนายชิมอน เปเรส (Shimon Peres) ประธานาธิบดีอิสราเอล ซึ่งเคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี 2537 จากนั้นโยนาธได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อวิทยุของอิสราเอลว่า ช่วงวัยเด็กครอบครัวเธอมีฐานะยากจนมาก อาศัยอยู่ในเยลูซาเลมสมัยที่อังกฤษยังปกครองปาเลสไตน์

"ช่วงชีวิตวัยเด็กของฉัน ไม่มีอะไรเลยที่พอจะบอกได้ว่าฉันจะมาจนถึงจุดนี้ ถึงแม้ว่าพ่อแม่และครอบครัวของฉันจะคิดอยู่เสมอว่า ยังมีโอกาสที่ให้เราได้แสดงคุณค่า" โยนาธให้สัมภาษณ์ไปพร้อมกับร้องไห้ไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ

โยนาธเป็นหนึ่งในนักวิจัย ที่บุกเบิกการศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างผลึกของไรโบโซม ซึ่งเธอสามารถสร้างผลึกไรโบโซมได้เป็นครั้งแรกในปี 2523 และตั้งข้อสังเกตเป็นครั้งแรกว่ามีปริศนาซ่อนอยู่ภายในไรโบโซม ซึ่งเธอมีความอยากรู้อยากเห็นตั้งแต่เด็ก และหลังจากที่ได้อ่านเรื่องราวของกูรีก็จุดประกายความอยากเป็นนักวิทยา ศาสตร์ในตัวเธอ

"งานวิจัยของเราดำเนินไปตลอดระยะเวลาหลายปี และพัฒนาไปในทิศทางที่แตกต่าง ทุก ครั้งที่ฉันคิดว่าฉันกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาที่มีขนาดใหญ่ราวกับยอดเขาเอเวอ เรส ทางเดียวที่จะแก้ได้ก็คือฉันต้องค้นพบสิ่งที่ใหญ่กว่าเอเวอเรสที่อยู่ข้าง หลังมันเท่านั้น และเมื่อฉันกะเทาะโครงสร้างของไรโบโซมออกมาได้ ฉันสุดแสนจะมีความสุข ฉันมีความสุขมากจริง" โยนาธกล่าว

นอกจากนั้นเอเอฟพียังได้นำข้อความตอนหนึ่งที่โยนาธเคยให้สัมภาษณ์ สื่อมวลชนเมื่อปี 2551 โดยเธอเล่าว่า ตลอดชีวิตของเธอมีแต่การทดลอง มันเป็นความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องที่แสนจะธรรมดา และครั้งหนึ่งเธอเคยตกจากระเบียงบ้านจนแขนหักเพราะพยายามจะวัดความสูงของ ระเบียงด้วย

ขอโอกาสให้ผู้หญิงทำงานวิทยาศาสตร์

"ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฉันเป็นผู้หญิงหรือไม่เมื่อฉันได้ทำงานวิทยา ศาสตร์ ฉันเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่เกิดในครอบครัวที่ยากจนข้นแค้นมาก ขนาดไม่มีหนังสืออ่านสักเล่ม" โยนาธกล่าว

"ผู้หญิงสร้างประชากรขึ้นมามาครึ่งหนึ่ง ฉันคิดว่าประชากรกำลังสูญเสียพลังสมองของมนุษย์ไปครึ่งหนึ่งจากการที่ไม่ส่งเสริมผู้หญิงให้ทำงานด้านวิทยาศาสตร์ ผู้หญิงก็สามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้หากพวกเธอได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ฉันอยากให้ผู้หญิงได้รับโอกาสทำในสิ่งที่พวกเธอสนใจ จากเรื่องที่พวกเธอสงสัย และฉันอยากให้โลกเปิดโอกาสนั้นให้กับพวกเธอ ซึ่งฉันรู้ว่าในหลายพื้นที่ยังคงคัดค้านเรื่องนี้อยู่" นักวิทย์หญิงรางวัลโนเบลคนแรกของอิสราเอล กล่าว

ทั้งนี้ โยนาธจบการศึกษาระดับปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยฮิบรู ในเยรูซาเลม (Hebrew University in Jerusalem) และจบปริญญาเอกจากสถาบันไวซ์มันน์ (Weizmann Institute) ในอิสราเอล จากนั้นไปทำวิจัยหลังปริญญาเอกที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) และมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน (Carnegie Mellon University) ในสหรัฐฯ

ปัจจุบันโยนาธดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ทางด้านชีววิทยาโครงสร้างและชี วโมเลกุลอยู่ที่สถาบันไวซ์มัน และอาศัยอยู่กับลูกสาว 1 คน ในเยลูซาเลม



อาดา โยนาธ (ขวา) เมื่อครั้งได้รับรางวัล Paul Ehrlich and Ludwig Darmstaedter Prize ในเยอรมนี (เอเอฟพี)


thank data news manageronline ASTV

อ่านต่อกด..จ๊ะ.

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

“เณรสิขา นิวรณ์ 5” เกมคอมฯ จากเด็กไอที ม.รังสิต


ปัจจุบันเยาวชนไทยอยู่ใกล้ชิดกับเกมคอมพิวเตอร์อย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่ใช่ว่าการเล่นเกมจะมีพิษภัยเสมอไป หากผู้ปกครอง ผู้สร้างเกม และผู้เกี่ยวข้อง นำเสนอเกมใหม่ๆที่มีความสร้างสรรค์ เป็นทางเลือกสำหรับเยาวชน ดังเช่น "เณรสิขา ฝึกนั่งสมาธิกำจัดนิวรณ์ 5"

สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ร่วมกับ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดทำสื่อประเภทเกมเนื้อหาส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยการนำเอาเนื้อหาหลักคำสอนพระพุทธศาสนามาประยุกต์ในเรื่องหลักการนั่ง สมาธิ ในรูปแบบคอมพิวเตอร์เกมในชื่อ "เณรสิขา ฝึกนั่งสมาธิกำจัดนิวรณ์ 5" เน้นให้เด็กไทยซึมซับคำสอนทางพระพุทธศาสนา ไม่มั่วสุมเล่นเกมที่มีเนื้อหารุนแรงและแสดงพฤติกรรมที่เป็นปัญหาสังคม
อาจารย์ภณสุทธิ์ สุทธิประการ อาจารย์ประจำสาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมมัลติมีเดีย คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงความเป็นมาของการสร้างเกม “เณรสิขา ฝึกนั่งสมาธิกำจัดนิวรณ์ 5" ว่า




"จากที่ เราทำ “เกมเณรสิขา พิชิต 5 มาร” ภาคแรก ถวายสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทางสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช มีความประสงค์ให้เราทำตัวเกมต่อเนื่อง คือ เกมเณรสิขา ภาค 2 โดยหยิบยกเรื่อง อิทธิบาท 4 มาเป็นธีมในการทำเกม เนื่องจากเราต้องการให้เกมเณรสิขาเป็นสัญลักษณ์ในการสื่อสารในรูปแบบของเกม ที่นำข้อมูลทางศาสนามาเผยแพร่ เนื้อหาเกมทั้งหมดได้นำมาจาก พระดำรัสสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก และยังได้ถวายในวโรกาสเทิดพระเกียรติฉลองพระชันษา 96 ปี"

ทั้ง นี้ เนื้อหาของเกมจะเป็นการผจญภัยฝ่าด่านต่างๆ เพื่อพิสูจน์ความสามารถ ความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงผ่านตัวละคร คือ เณรสิขา ที่จะเป็นผู้รับหน้าที่ในการบอกให้เด็กรู้ว่าการฝ่าฟันงานต้องเป็นไปตาม ลำดับขั้นตอน ตามคำสอนของพระพุทธศาสนา ในเรื่องอิทธิบาท 4 คือ

“อิทธิ บาท 4 เป็นแนวทางการทำงานที่พระพุทธองค์ได้ทรงสดับไว้อย่างแยบคลาย ซึ่งเป็นบาทฐานแห่งความสำเร็จ หมายถึง สิ่งซึ่งมีคุณธรรม เครื่องให้บรรลุถึงความสำเร็จตามที่ตนประสงค์ ประกอบด้วย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ก็เหมือนกับการเล่นเกมที่ผู้เล่นมีใจจดจ่อกับการเล่นเกมให้ชนะอุปสรรคต่างๆ ดังนั้น ผู้เล่นจะได้เรียนรู้ว่าการทำงานหรือการทำงานที่ตนรักให้สำเร็จลุล่วง ต้องมีความอุตสาหะอดทน เพื่อฝึกฝนพัฒนาความสามารถของตนเอง”

ปัจจุบันเกมเณรสิขา ภาค 2 อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมงาน แต่มีมินิเกมที่ออกมาก่อน ซึ่งเกมนี้จะเป็นตัวดึงผู้เล่นเข้ามา เพื่อรวบรวมฐานข้อมูลคนที่สนใจจะรับเกม สำหรับเกมสิขานิวรณ์ทั้ง 5 เป็นเกมฝึกนั่งสมาธิ จะฝึกให้รู้จักวิธีการนั่งสมาธิ รู้จักสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการนั่งสมาธิ หรือ นิวรณ์ทั้ง 5 คือ สิ่งที่ขวางกั้นจิตทำให้สมาธิไม่อาจเกิดขึ้นได้ โดย ผู้สร้างเกมสิขานิวรณ์ 5 ประกอบไปด้วย

นายสุริยา ทวีศรี นายกฤติน ดลภักนิยมกุล นายธวัช อิทธิกำจร นายวรรณนะ เจริญโชคทวี นายภูวิศ ทิพย์อาภากุล นายอนุชิต เจริญสิทธิ์ นักศึกษาสาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมมัลติมีเดีย คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต

“สำหรับ การเล่นจะเป็นการกดคีย์บอร์ดเพื่อควบคุมดอกบัวให้อยู่ตรงกลาง เพื่อให้เกิดสมาธิ ระหว่างที่ควบคุมจะมีการสุ่มสถานการณ์เกิดขึ้น เสมือนตอนที่เรากำลังนั่งสมาธิอยู่ต้องมีสิ่งมารบกวน แล้วลักษณะการควบคุมก็จะเปลี่ยนไป ผู้เล่นต้องควบคุมเอง เป็นลักษณะของการฝึกสมาธิ เพราะผู้เล่นต้องเพ่งที่จุดๆ หนึ่ง ซึ่งเราอยากให้ผู้เล่นฝึกการนั่งสมาธิตนเองผ่านตัวเกมนี้ ผู้เล่นจะได้รู้จักข้อขัดขวางการทำสมาธิทั้ง 5 ข้อ และจะสามารถตัดใจการสิ่งที่เป็นอุปสรรคได้” อาจารย์ภณสุทธิ์ กล่าวเพิ่มเติม

** ผู้ที่สนใจเล่นเกม “เณรสิขา ฝึกนั่งสมาธิกำจัดนิวรณ์ 5" สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์มหาวิทยาลัยรังสิต www.rsu.ac.th และวัดบวรนิเวศราชวรวิหารwww.watbowon.com ในเร็วๆ นี้
News ASTV manager

อ่านต่อกด..จ๊ะ.

“ASTVผู้จัดการ” เปิดศักราชแอปฯ ข่าวพันธุ์ไทยบนไอโฟน



ASTV ผู้จัดการ รุกตลาดสาวกไอโฟน เปิดตัว “ASTVManager Lite” โปรแกรมอ่านข่าวของแท้บนโทรศัพท์มือถือไอโฟน โปรแกรมแรกของสำนักข่าวเมืองไทย เปิดให้ผู้ใช้ไอโฟน และไอพ็อดทัชทุกคน ดาวน์โหลดฟรี เพื่อรับข่าวอัปเดตเรียลไทม์พร้อมกับหน้าเว็บไซต์ www.manager.co.th ได้เสถียรและรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม ผู้อำนวยการเว็บย้ำขยายกลุ่มรองรับมือถือทุกรุ่นภายในปีนี้ มั่นใจสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้มือถือ 40 ล้านคนได้ดียิ่งขึ้น

นายวริษฐ์ ลิ้มทองกุล ผู้อำนวยการเว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ให้สัมภาษณ์ว่า การพัฒนาโปรแกรมอ่านข่าวบนไอโฟน ASTVManager Lite ถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าเอเอสทีวีผู้จัดการนั้นกำลังก้าวเข้าสู่กลุ่มผู้ ใช้โทรศัพท์มือถืออย่างเต็มตัวยิ่งขึ้นกว่าเดิม ในรูปแบบที่ไม่ใช่เอสเอ็มเอสหัวข้อข่าวสั้นๆ ซึ่งไม่มีรายละเอียดเนื้อข่าว

“ที่ ผ่านมาเรามีเอสเอ็มเอสข่าว มีหน้า WAP ที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสามารถเปิดเว็บผู้จัดการได้ แต่แอปพลิเคชันนี้จะแสดงให้เห็นว่าเราก้าวเข้าสู่กลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ อย่างเต็มตัว ที่เลือกพัฒนาบนไอโฟนก่อนเพราะไอโฟนเป็นที่นิยมและมีพัฒนาการทางเทคโนโลยี ทันสมัย โดยภายในเดือนพฤศจิกายนเราจะพัฒนาให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่มีหน้าจอเล็ก กว่าสามารถเปิดหน้าเว็บผู้จัดการได้ ซึ่งจะรองรับได้ทุกรุ่นทุกค่าย”

ASTVManager Lite ถือเป็นแอปพลิเคชันข่าว (Native Application) ที่สามารถติดตั้งลงในเครื่องแอปพลิเคชันแรกของสำนักข่าวในประเทศไทย ไม่ใช่เว็บแอปพลิเคชัน (Web Application) ซึ่งสำนักข่าวไทยรายอื่นเคยพัฒนามาก่อน ความแตกต่างคือแอปพลิเคชันข่าวจะทำให้ผู้อ่านสามารถรับข่าวได้รวดเร็ว ละเอียด และสะดวกสบายขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากตัวแอปพลิเคชันจะดึงข่าวขึ้นมาแสดงได้โดยผู้ใช้ไม่ต้องคลิกลิงก์ ข่าวดาวน์โหลดบนโปรแกรมเบราว์เซอร์ซ้ำซ้อนหลายครั้ง สามารถรับข่าวสารได้มากกว่าเอสเอ็มเอสหัวข้อข่าวความยาวไม่กี่ตัวอักษร และสามารถอ่านข่าวได้สบายตาเนื่องจากมีการปรับขนาดตัวอักษรให้เหมาะกับหน้า จอไอโฟน

“สถิติการเปิดอ่านเว็บไซต์เอเอสทีวี ผู้จัดการจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ผ่านมาอยู่ที่ 15,000 ครั้งต่อวัน ถือเป็นเว็บไซต์ที่ถูกเปิดอ่านมากที่สุดอันดับ 2 ของประเทศ (รองจากสนุก) เราจะมุ่งพัฒนาความสามารถอื่นๆ ของแอปพลิเคชันต่อไป เพื่อเสริมความเป็นมัลติมีเดียซึ่งเป็นนโยบายหลักของเว็บไซต์เอเอสทีวีผู้ จัดการ”

ข่าวที่โปรแกรม ASTVManager Lite จะดึงมาแสดงบนหน้าจอไอโฟนในระยะแรกได้แก่ ข่าวล่าสุด (Breaking News) ข่าวยอดนิยม ข่าวน่าสนใจจาก 18 หมวดข่าวเช่น บันเทิง กีฬา อาชญากรรม ท่องเที่ยว ไอที ฯลฯ ตารางดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างราคาทองคำ ราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยน และตารางหุ้น ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดตัวแอปพลิเคชันได้จากทั้งหน้าจอโทรศัพท์มือถือไอโฟน และไอพ็อดทัช หรือดาวน์โหลดเข้าโปรแกรมไอจูนส์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ได้

สำหรับพัฒนาการขั้นต่อไปของโปรแกรม ASTVManager Lite คือการมุ่งสู่การแสดงข่าวในรูปมัลติมีเดียเต็มรูปแบบยิ่งขึ้น มีแผนพัฒนาให้สามารถส่งข่าวต่อไปยังผู้ใช้เฟสบุ๊กหรือบริการเครือข่ายสังคม อื่นๆด้วย

วริษฐ์ให้ความเห็นว่า อุตสาหกรรมข่าวเมืองไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอนาคตนับจากนี้ โดยเฉพาะในยุคที่ประเทศไทยมีเทคโนโลยีการสื่อสารความเร็วสูงบนโทรศัพท์ เคลื่อนที่อย่าง 3G และ WiMAX

“ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยขณะนี้มี 15 ล้านคน แต่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมีจำนวน 40 ล้านคน ใหญ่กว่าหลายเท่าตัว การเข้าสู่ตลาดโทรศัพท์มือถือจะทำให้สามารถเข้าสู่กลุ่มผู้อ่านอายุต่ำกว่า 15 ปีได้ด้วย แถมเทคโนโลยีอย่าง 3G และ WiMAX ก็จะทำให้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นช่องทางสำคัญของการบริโภคข่าวสารแน่นอนใน อนาคต การรับข่าวทางโทรศัพท์มือถือจะไม่จำกัดแค่เอสเอ็มเอสอีกต่อไป แต่จะตอบโจทย์คนที่ต้องการภาพ เสียง และคลิปได้ทั้งหมด”

นอกจากการปรับปรุงวิถีการอ่านข่าวบนอุปกรณ์พกพา เอเอสทีวีผู้จัดการยังพัฒนาระบบโฆษณาบนโปรแกรม ASTVManager Lite แบบใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักการตลาดยิ่งขึ้น โดยพัฒนาเป็นระบบ CMS การโฆษณาเพื่อให้นักการตลาดสามารถคลิกเปลี่ยนรูปภาพหรือคอนเทนท์การโฆษณาใน พื้นที่ที่ต้องการด้วยตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นคือนักการตลาดสามารถทำการตลาดได้อย่างยืดหยุ่นและรวดเร็ว กว่าเดิม

“เราไม่ได้วางเป้าหมายรายได้หรือจำนวนยอดดาวน์โหลดไว้ เราทำเพราะเชื่อว่าโทรศัพท์มือถือเป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกคน” วริษฐ์ทิ้งท้าย

รายละเอียดโปรแกรม ASTVManager Lite สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ข่าว "อ่านข่าวเอเอสทีวีบนไอโฟนได้แล้ว วันนี้!"

Company Related Links :
ASTVManager

อ่านต่อกด..จ๊ะ.

เผยฟอสซิลลิงใหญ่ต้นตระกูลมนุษย์ อาศัยบนพื้นโลก4.4ล้านปีก่อน



เปิด ฟอสซิลหลักฐานบรรพบุรุษมนุษย์ยุคโบราณชิ้นใหม่ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดเท่า ที่เคยขุดค้นพบ เป็นโครงกระดูกลิงใหญ่ (Ape) เพศเมีย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ขนานนามว่า "อาร์ดี" ย่อมาจาก "Ardipithescus ramidus" (Ardi) มีชีวิตอยู่บนพื้นโลกย้อนเวลากลับไปประมาณ 4.4 ล้านปีในทวีปแอฟริกา

ดร.ทิม ไวต์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยวิวัฒนาการมนุษย์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา หนึ่งในผู้ศึกษาฟอสซิลอาร์ดี กล่าวว่า ฟอสซิลชิ้นแรกๆ ขุดพบในเขตอาร์ฟาริฟต์ ประเทศเอธิโอเปีย เมื่อปีพ.ศ.2535 ในสภาพถูกบดแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย 175 ชิ้น คณะทำงานซึ่งประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ 47 คนต้องใช้เวลา 17 ปีกว่าจะบูรณะและปะติดปะต่อจนออกมาเป็นรูปเป็นร่างสำเร็จ เพื่อเปรียบเทียบกับฟอสซิลบรรพบุรุษมนุษย์ที่พบก่อนหน้า

"ฟอสซิลชุด นี้มีความสมบูรณ์มากพอสมควรในแง่ของโครงสร้างกะโหลก มือ เท้า และชิ้นส่วนสำคัญอื่นๆ นับเป็นการค้นพบเกี่ยวกับวิวัฒนาการมนุษย์ครั้งใหญ่" ดร.เดวิด พิลบีม ภัณฑารักษ์แผนกดึกดำบรรพ์วิทยาประจำพิพิธภัณฑ์โบราณคดีและชาติพันธุ์วิทยา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าว

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการศึกษาฟอสซิลอาร์ ดีจะช่วยไขคำตอบที่หายไป ซึ่งสามารถอธิบายถึงเส้นทางวิวัฒนาการที่แยกออกจากกันระหว่างลิงกับมนุษย์ เมื่อหลายล้านปีก่อน เพราะฟอสซิลบรรพบุรุษมนุษย์ "ลูซี่" ซึ่งขุดค้นพบเมื่อปี 2517 ก็ยังมีอายุน้อยกว่าอาร์ดีถึง 1 ล้านปี

จาก การตรวจสอบชี้ว่า อาร์ดีมีส่วนสูง 1.20 เมตร หนัก 50 กิโลกรัม ท่อนแขนยาว ฝ่ามือใหญ่แต่ไม่ยาว นิ้วมีความยืดหยุ่นดี ฟันบนสั้นและหนาคล้ายกับฟันมนุษย์ และต่างจากฟันของลิงชิมแปนซีที่แหลมคม เมื่อวิเคราะห์สารเคลือบฟันอาร์ดีคาดว่ากินผลไม้ ถั่ว และใบไม้เป็นหลัก ส่วนสาเหตุที่เชื่อว่าเป็นเพศเมียเนื่องจากโครงสร้างกะโหลกอาร์ดีมีขนาดเล็ก และลำตัวบาง มีน้ำหนักตัวน้อย

ข้อมมูล ข่าวสด

อ่านต่อกด..จ๊ะ.

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เริ่มแล้วงานเทคโนโลยีและนวัตกรรม ประจำปี 2552


เริ่มแล้วงานเทคโนโลยีและนวัตกรรม ประจำปี 2552

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2552 เวลา 09.00 น. ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธีเปิด “งานเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย ประจำปี 2552 หรือ “Technomart - Innomart” เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในฐานะทรงเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และ “พระบิดาแห่งนวัตกรรม” ภายใต้แนวคิด “เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ สานฝันธุรกิจด้วยเทคโนโลยีไทย” ซึ่งงานนี้ได้นำผลงานสุดยอดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมไทยมาจัดแสดงกว่า 200 ผลงาน โดยงานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 4 ตุลาคม 2552 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี

โดยในงานนี้สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เข้าร่วมในการจัดนิทรรศการโดยนำเสนอทั้งเนื้อหาสาระเกี่ยวกับปีดารา ศาสตร์สากล 2009 (IYA 2009)โดยได้นำกล้องโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสงที่ได้รับการพัฒนาโดยฝีมือคนไทย NARIT 01 จำนวน 7 ตัว และกล้องโทรทรรศน์ชนิดสะท้อนแสงมาจัดแสดง นอก จากนั้น สดร. ยังมีการจัดเตรียมสื่อเผยแพร่ความรู้ทางด้านดาราศาสตร์ในรูปแบบต่างๆ ไว้หลากหลายให้กับนักเรียน นักศึกษา เยาวชน และประชาชนทั่วไปที่เข้าร่วมงาน ซึ่งภายในงาน“งานเทคโนโลยีและนวัตกรรมของไทย ประจำปี 2552” นี้ ยังมีสาระความรู้ที่น่าสนใจอีกมากมายซึ่งจะเป็นการช่วยจุดประกาย ส่งเสริม สร้างความตระหนักและกระตุ้นให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนคนไทย หันมาให้ความสนใจวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น

ท่านสามารถติดตามข่าวสารอื่นๆ ของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติเพิ่มเติมได้ที่ www.narit.or.th

อ่านต่อกด..จ๊ะ.